E-Business infrastructure หมายถึง การรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น
Server, Client PC ในองค์กร รวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์ ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวมถึงคู่ค้าและลูกค้าของตน
ซึ้งคำว่า Infrastructure ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้าน Hardware
,Software และ เครือข่าย ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย และท้ายที่สุด ยังรวมไปถึง
กระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบ E-business ด้วย
ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน E-business infrastructure
components ประกอบด้วย 5 Layers

Layer 1 คือ E-Business services application layes เช่น web application , applications ทั้ง stand alone บนอินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ตหรืออินเทอร์เน็ต ซึ่งใช้บริหารจัดการตัวที่เกี่ยวข้องกับ E-Business ยกตัวอย่างเช่น CRM , supply chain management , data mining , content management system
Layer 2 คือ System software layer เช่น web
browser and server software and standards networking software and database
management system คือตัวซอฟท์แวร์ที่จะนำมาใช้ในการจัดการ ยกตัวอย่างเช่น CRM ,
supply chain management , data mining เป็นต้น
Layer 3 คือ Transports network layer ชั้นการขนส่ง
ผ่านการส่งผ่านข้อมูลทางกายภาพ (Physical network and transport standards
TCP/IP)
Layer 4 คือ Storage/Physical layer เก็บข้อมูลอย่างไร
Layer 5 คือ Content and data layer เก็บข้อมูลที่ไหน
เก็บยังไง
Key management issues of E-Business infrastructure
Main issue
- Which type of E-Business applications do we develop ? หมายความว่าจะทำ
E-Business ประเภทไหน ?
- Which technologies do we use ? หมายความว่าจะเลือกใช้เทคโนโลยีอะไร
- How do we achieve quality of service in applications ? หมายความว่าทำยังไงจะให้
application ที่เราพัฒนามันได้คุณภาพของการบริการ
- Where do we host applications ? หมายความว่าคุณจะเอา
application ไปใช้ที่ไหน ใช้ host อะไร ตัวอย่าง Host ในประเทศไทย
เช่น http://www.hostneverdie.com
การใช้ E-Business ใน Intranet application (โครงข่ายภายในองค์กร)
สามารถช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลัก supply chain management
จะมีข้อได้เปรียบคือ
1.Reduced product lifecycles คือสามารถลดระยะเวลาการจัดการได้
2.Reduced costs through higher producty and savings on hard
copy คือสามารถลดค่าใช้จ่ายได้
3.Better customer service คือการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น
4.Distribution of information through remote offices
nationally or globally คือทั่วโลก
Extranet application โครงข่ายที่เชื่อมต่อระหว่างองค์กรธุรกิจเรากับผู้ขายหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
Firewalls คือตัวที่ใช้ป้องกันการบุกรุก
ใช้ป้องกันระบบเครือข่ายจากการสื่อสารทั่วไปที่ถูกบุกรุก จากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย โดยใช้ Firewall
Web technology คือบริการหนึ่งในรูปแบบต่างๆ
ของการให้บริการของอินเตอร์เน็ตสำหรับผู้พัฒนาเว็บหรือผู้ที่ต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อสื่อสารผ่านเว็บหรืออินเตอร์เน็ต
HTML ย่อมาจาก Hyper Text Markup Language คือรูปแบบภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสร้างเอกสารบนเว็บไซท์
โดยใช้โปรแกรม Text Editor ต่างๆ ในการทำ เช่น Notepad , Editplus เป็นต้น
และจะถูกแปลความหมายหรือการแสดงผลด้วย Web browser ออกมาในรูปแบบข้อความ
ภาพ ภาพเคลื่อนไหวหรือเสียง
Web browser คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและตอบโต้กับข้อมูลสารสนเทศบนเว็บนั้นได้
เช่น Internet Explorer , Mozilla Firefox , Google Chrome , Safari
, Opera เป็นต้น
Web Evolution คือวิวัฒนาการของเว็บแอพพลิเคชั่น
คล้ายกับมนุษย์ซึ่งมีการพัฒนามาเป็น step
Web Evolution 1.0 ปี 1996 เป็นเว็บยุค push หรือ static
web คือการ
Read Only , Static Data with simple markup มีการนำเสนอข้อมูลทางเดียว
ช่วงต้นยุคส่วนมากใช้ HTML และช่วงปลายยุค 1.0 ค่อยๆ
พัฒนาตามมา ด้วยการใช้ภาษา Java Script , php
Web Evolution 2.0 ปี 2006 ยุคที่ทำให้อินเตอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้่น
เป็นเว็บยุคของการแบ่งปัน คือการ Read and Write , Dynamic data through
web service เช่นเว็บไซท์ Pantip.com เป็นต้น และเป็นจุดเริ่มต้นของ Social
Network ทั้ง MySpace , HI5 , Facebook , Twitter , Google+ , Youtube เป็นต้น
Web Evolution
3.0 คือ Semantic Web นั่นเอง มันก็คือเทคโนโลยีหรือแนวความคิดที่จะ
เชื่อมโยงข้อมูลใน web ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันทั้งภายใน web หรือภายในเครือข่ายของโลก
ซึ่งมองไปแล้วมันก็คือ Database ของ โลกเลย แต่ก็เป็นแนวคิดที่จะทำให้หาข้อมูล
ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็จะมี format ข้อมูลในการติดต่อสื่อสารกัน แต่ก็ based-on
XML เช่นพวก
RDF ( Resource Definition Framework ) , OWL ( Ontology Web Language )
Wep 4.0 คือเว็บที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น
มีความฉลาดมากขึ้นในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ และรูปภาพ หรือวีดีโอ
แล
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว และตั้งแต่ ค.ศ.2015 จนถึง ค.ศ.2020 ต้องเข้าสู่ web 4.0 กันหมดแล้ว ซึ่ง web 4.0 ยัง support web on mobile อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ iPad iPhone เป็นต้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว และตั้งแต่ ค.ศ.2015 จนถึง ค.ศ.2020 ต้องเข้าสู่ web 4.0 กันหมดแล้ว ซึ่ง web 4.0 ยัง support web on mobile อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ iPad iPhone เป็นต้นด้วย
Lifestyle ของ Internet ประกอบด้วย
-Blog คือการเขียนไดอารี่ออนไลน์
บันทึกความเป็นตัวตนของตนเอง เรื่องที่บันทึกก็เป็นเรื่องอะไรก็ได้ ที่แต่ละคนสนใจ ซึ่งคนเขียนบล็อคเรียก
Blogger , บทความหรือสิ่งที่เราเขียนเรียกว่า Posts หรือ Entry
และกำลังจะเขียนหรือพิมพ์เรียกว่า
Blogging
ยกตัวอย่างเช่น exteen.com , bloggang.com เป็นต้น
คือมีความเป็นกันเอง สะดวก ง่าย มีการคอมเม้นท์ได้
ข้อแตกต่างของบล็อคกับเว็บต่างๆ
คือ Blog เพิ่มข้อมูลใหม่ได้ง่าย มี template ช่วยจัดการ
สามารถแยกเนื้อหาตามประเภทได้
ปัญหาที่ตามมาอาจเป็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การจำหน่ายจ่ายแจกต่างๆ
หรือสิ่งที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์
-Internet forum
คือบริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ตสำหรับการแสดงความคิดเห็นหรืออภิปราย เช่นเว็บบอร์ดกระดานข่าว
Pantip.com ที่แบ่ง cafe ออกเป็นหลากหลายห้อง เป็นต้น
-wiki หรือสารานุกรมออนไลน์ มีการรวบรวมองค์ความรู้หลายๆ แขนง
โดยผู้ใช้มีส่วนร่วมได้ด้วย
wikipedia สารานุกรมเสรี เป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดพื้นที่ให้กับบุคคล
ในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อมูลได้และมีการแปลภาษากว่า 70
ภาษาทั่วโลก
Instant Messaging - IM
คือการส่งข้อความผ่านการแชทเป็นการอนุญาตให้มีการติดต่อสืjอสารระหว่างบุคคลบนเครือข่ายที่เป็นแบบ
relative privacy ตัวอย่างเช่น Gtalk
-Folksonomy (ปัจเจกวิธาน) มี 3 แบบ คือ
1.ค้นหาในเนื้อความ (Text Search)
2.เรียงเนื้อหาตามลำดับเวลา (Chronological)
3.แยกตามกลุ่มประเภท (Category, Classification)
Folk sonomy แตกต่างจาก taxonomy อย่างไร
taxonomy คืออนุกรมวิธาน ใช้ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ มาประชุมกันแล้ว แบ่งกลุ่ม
แบ่งประเภทโดยอาศัยจากเกณฑ์ในการประชุม
Folk sonomy คือปัจเจกวิธาน
ซึ่งคนในไซเบอร์สามารถมีส่วนร่วมในการจัดทำได้
TCP/IP ย่อมาจาก Transmission Control
Protocol/Internet Protocol เป็นระบบโปรโตคอล การสื่อสารพื้นฐานของระบบอินเตอร์เน็ต
มันสามารถใช้เป็น โปรโตคอลในการสื่อสารภายใน เครือข่ายส่วนบุคคล เรียกว่า intranet
และ
extranet เมื่อมีการติดต่อโดยตรงกับ internet เครื่องคอมพิวเตอร์จะได้รับการคัดลอกโปรแกรม
TCP/IP เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์อื่น ๆ เพื่อทำให้ส่งข้อความขอรับสารสนเทศ
HTTP ย่อมาจาก Hypertext Transfer Protocol คือ โพรโทคอลสื่อสารสำหรับการแลกเปลี่ยนสารสนเทศผ่านอินเทอร์เน็ต
โดยหลักแล้วใช้ในการรับเอกสารข้อความหลายมิติที่นำไปสู่การเชื่อมต่อกับ World
Wide Web
URL ย่อมาจาก Uniform Resource Locator เป็นการระบุตำแหน่งของไฟล์ที่เข้าถึงได้บนอินเตอร์เน็ต
ประเภทของทรัพยากรขึ้นกับโปรโตคอลประยุกต์บนอินเตอร์เน็ตที่ใช้
Domain คือชื่อที่ใช้ในการอ้างอิงเพื่อไปยัง Website
ต่างๆ
ที่อยู่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตชื่อที่ใช้ต้องเป็นชื่อที่ไม่มีใครในโลกใช้เพราะถ้ามีคนใช้ชื่อใดแล้วเราจะไปจดชื่อซ้ำไม่ได้
ซึ่งการเช็คโดเมนเนม สามารถทำการเช็คได้ที่ whois.net จะบอกทั้ง
ใครเป็นคนจดทะเบียน ชื่ออะไร เริ่มจดเมื่อไหร่ หมดอายุเมื่อไหร่ ฯลฯ




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น