วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

Chapter 3 : E- ENVIRONMENT



สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.สิ่งแวดล้อมภายใน (Internal Environment) คือสิ่งแวดล้อมที่สามารถควบคุมได้ หรือ controllable factor ทั้งการเงิน การบัญชี การตลาด  ฝ่ายขาย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฯลฯ
2.สิ่งแวดล้อมภายนอก (External Environment) คือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ หรือ uncontrollable factor ซึ่งมีอิทธิพลต่อการดำเนินการของธุรกิจ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- Micro External Environment สิ่งแวดล้อมภายนอกระดับจุลภาค ซึ่งอยู่ใกล้กับองค์กรมากที่สุด เช่น ตลาดหรือค้า ผู้ขายปัจจัยการผลิตหรือวัตถุดิบ คนกลางทางการตลาด สาธารณชนและกลุ่มผลประโยชน์
- Macro External Environment สิ่งแวดล้อมภายนอกระดับมหภาค ที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจและต่อระบบการตลาดเป็นอย่างมาก แต่อยู่ไกลจากองค์กร เช่น ด้านการเมืองและกฏหมาย เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีต่างๆ
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการบริหารธุรกิจ (SWOT)
- Strengths จุดแข็ง คือปัจจัยภายในที่ควบคุมได้ และเป็นปัจจัยภายในที่เป็นผลบวก ส่งผลดีต่อองค์กรธุรกิจเรา
- Weaknesses จุดอ่อน คือปัจจัยภายในที่เกิดจากปัญหาภายในธุรกิจ จากการบริหารงานผิดพลาด เป็นปัจจัยภายในที่เป็นผลลบ ที่ส่งผลลบต่อองค์กรธุรกิจเรา
- Opportunity โอกาส คือปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไปควบคุมให้เกิดหรือไม่เกิดขึ้นได้ แต่เป็นสภาวการณ์แวดล้อมอันส่งผลดีให้ธุรกิจโดยบังเอิญ
- Threats อุปสรรค คือปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไปควบคุมให้เกิดหรือไม่เกิดขึ้นได้ แต่เป็นสภาวการณ์แวดล้อมอันเลวร้าย ส่งผลกระทบให้ธุรกิจ


การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ด้วย TOWS Matrix  ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์
- กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) เป็นการใช้จุดแข็งบนโอกาสที่มี จากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดแข็งและโอกาสมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในเชิงรุก
- กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST Strategy) เป็นการใช้จุดแข็งป้องกันอุปสรรค จากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดแข็งและข้อจำกัดมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในเชิงป้องกัน
- กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) เป็นการขจัดจุดอ่อนโดยใช้โอกาส จากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดอ่อนและโอกาสมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในเชิงแก้ไข
- กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy) เป็นการขจัดจุดอ่อนป้องกันอุปสรรค จากการนำข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็นจุดอ่อนและข้อจำกัดมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในเชิงรับ
Wave of change
Social Factor สภาวะแวดล้อมทางสังคมเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากโครงสร้างทางสังคมประกอบด้วยครอบครัว ชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศ ซึ่งในแต่ละสังคมก็จะมีทัศนคติทางสังคม ค่านิยม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากร บทบาทหรือสถานภาพของบุคคลและระดับชนชั้นทางสังคม

Political and Legal Factor สภาวะแวดล้อมทางการเมืองและกฏหมาย เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อนโยบายประกอบธุรกิจของประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแบบผสมผสานพรรคบ่อยๆ นักลงทุนชาวไทยและชาวต่างชาติจะอ่อนไหวกับปัจจัยทางการเมือง เพราะเกี่ยวข้องกับกฏหมายและมาตรการต่างๆ

Economic Factor สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นปริมาณการจัดสรรและการใช้ทรัพยากร ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีแรงผลักดันที่สำคัญต่อการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) , ค่าเงินบาท , อัตราการว่างงาน , ภาวะราคาน้ำมัน , ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ย

Technological Factor สภาวะแวดล้อมทางเทคโนโลยี ปัจจุบันเป็นยุคความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางและความก้าวหน้าขององค์กรธุรกิจ









Chapter 2 : E-business infrastructure


E-Business infrastructure หมายถึง การรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น Server, Client PC ในองค์กร รวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์ ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวมถึงคู่ค้าและลูกค้าของตน ซึ้งคำว่า Infrastructure ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้าน Hardware ,Software และ เครือข่าย ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย และท้ายที่สุด ยังรวมไปถึง กระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบ E-business ด้วย

ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน E-business infrastructure components ประกอบด้วย 5 Layers 

Layer 1 คือ E-Business services application layes เช่น web application , applications ทั้ง stand alone บนอินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ตหรืออินเทอร์เน็ต ซึ่งใช้บริหารจัดการตัวที่เกี่ยวข้องกับ E-Business ยกตัวอย่างเช่น CRM , supply chain management , data mining , content management system
Layer 2 คือ System software layer เช่น web browser and server software and standards networking software and database management system คือตัวซอฟท์แวร์ที่จะนำมาใช้ในการจัดการ ยกตัวอย่างเช่น CRM , supply chain management , data mining เป็นต้น
Layer 3 คือ Transports network layer ชั้นการขนส่ง ผ่านการส่งผ่านข้อมูลทางกายภาพ (Physical network and transport standards TCP/IP)
Layer 4 คือ Storage/Physical layer เก็บข้อมูลอย่างไร
Layer 5 คือ Content and data layer เก็บข้อมูลที่ไหน เก็บยังไง 

Key management issues of  E-Business infrastructure
Main issue
- Which type of E-Business applications do we develop ? หมายความว่าจะทำ E-Business ประเภทไหน ?
- Which technologies do we use ? หมายความว่าจะเลือกใช้เทคโนโลยีอะไร
- How do we achieve quality of service in applications ? หมายความว่าทำยังไงจะให้ application ที่เราพัฒนามันได้คุณภาพของการบริการ
- Where do we host applications ? หมายความว่าคุณจะเอา application ไปใช้ที่ไหน ใช้ host อะไร ตัวอย่าง Host ในประเทศไทย เช่น http://www.hostneverdie.com

การใช้ E-Business ใน Intranet application (โครงข่ายภายในองค์กร)
สามารถช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลัก supply chain management
จะมีข้อได้เปรียบคือ
1.Reduced product lifecycles คือสามารถลดระยะเวลาการจัดการได้
2.Reduced costs through higher producty and savings on hard copy คือสามารถลดค่าใช้จ่ายได้
3.Better customer service คือการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น
4.Distribution of information through remote offices nationally or globally คือทั่วโลก

Extranet application โครงข่ายที่เชื่อมต่อระหว่างองค์กรธุรกิจเรากับผู้ขายหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

Firewalls คือตัวที่ใช้ป้องกันการบุกรุก ใช้ป้องกันระบบเครือข่ายจากการสื่อสารทั่วไปที่ถูกบุกรุก จากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย โดยใช้ Firewall
Web technology คือบริการหนึ่งในรูปแบบต่างๆ ของการให้บริการของอินเตอร์เน็ตสำหรับผู้พัฒนาเว็บหรือผู้ที่ต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อสื่อสารผ่านเว็บหรืออินเตอร์เน็ต
HTML ย่อมาจาก Hyper Text Markup Language คือรูปแบบภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสร้างเอกสารบนเว็บไซท์ โดยใช้โปรแกรม Text Editor ต่างๆ ในการทำ เช่น Notepad , Editplus เป็นต้น และจะถูกแปลความหมายหรือการแสดงผลด้วย Web browser ออกมาในรูปแบบข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหวหรือเสียง 
Web browser คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและตอบโต้กับข้อมูลสารสนเทศบนเว็บนั้นได้  เช่น Internet Explorer , Mozilla Firefox , Google Chrome , Safari , Opera เป็นต้น


Web Evolution คือวิวัฒนาการของเว็บแอพพลิเคชั่น คล้ายกับมนุษย์ซึ่งมีการพัฒนามาเป็น step 
Web Evolution 1.0 ปี 1996 เป็นเว็บยุค push หรือ static web คือการ Read Only , Static Data with simple markup มีการนำเสนอข้อมูลทางเดียว ช่วงต้นยุคส่วนมากใช้ HTML และช่วงปลายยุค 1.0 ค่อยๆ พัฒนาตามมา ด้วยการใช้ภาษา Java Script , php
Web Evolution 2.0 ปี 2006 ยุคที่ทำให้อินเตอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้่น เป็นเว็บยุคของการแบ่งปัน คือการ Read and Write , Dynamic data through web service เช่นเว็บไซท์ Pantip.com เป็นต้น และเป็นจุดเริ่มต้นของ Social Network ทั้ง MySpace , HI5 , Facebook , Twitter , Google+ , Youtube เป็นต้น
Web Evolution 
3.0 คือ Semantic Web นั่นเอง มันก็คือเทคโนโลยีหรือแนวความคิดที่จะ เชื่อมโยงข้อมูลใน web ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันทั้งภายใน web หรือภายในเครือข่ายของโลก ซึ่งมองไปแล้วมันก็คือ Database ของ โลกเลย แต่ก็เป็นแนวคิดที่จะทำให้หาข้อมูล ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็จะมี format ข้อมูลในการติดต่อสื่อสารกัน แต่ก็ based-on XML เช่นพวก RDF ( Resource Definition Framework ) , OWL ( Ontology Web Language )
Wep 4.0 คือเว็บที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น มีความฉลาดมากขึ้นในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ และรูปภาพ หรือวีดีโอ  แล
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว
  และตั้งแต่ ค.ศ.2015 จนถึง ค.ศ.2020 ต้องเข้าสู่ web 4.0 กันหมดแล้ว ซึ่ง web 4.0 ยัง support web on mobile อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ iPad iPhone เป็นต้นด้วย


 Lifestyle ของ Internet ประกอบด้วย

-Blog คือการเขียนไดอารี่ออนไลน์ บันทึกความเป็นตัวตนของตนเอง เรื่องที่บันทึกก็เป็นเรื่องอะไรก็ได้ ที่แต่ละคนสนใจ ซึ่งคนเขียนบล็อคเรียก Blogger , บทความหรือสิ่งที่เราเขียนเรียกว่า Posts หรือ Entry และกำลังจะเขียนหรือพิมพ์เรียกว่า Blogging
ยกตัวอย่างเช่น exteen.com , bloggang.com เป็นต้น
 จุดเด่นของ Blog
คือมีความเป็นกันเอง สะดวก ง่าย มีการคอมเม้นท์ได้

ข้อแตกต่างของบล็อคกับเว็บต่างๆ
คือ Blog เพิ่มข้อมูลใหม่ได้ง่าย มี template ช่วยจัดการ สามารถแยกเนื้อหาตามประเภทได้
ปัญหาที่ตามมาอาจเป็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การจำหน่ายจ่ายแจกต่างๆ หรือสิ่งที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์



-Internet forum
คือบริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ตสำหรับการแสดงความคิดเห็นหรืออภิปราย เช่นเว็บบอร์ดกระดานข่าว Pantip.com ที่แบ่ง cafe ออกเป็นหลากหลายห้อง เป็นต้น





-wiki หรือสารานุกรมออนไลน์ มีการรวบรวมองค์ความรู้หลายๆ แขนง โดยผู้ใช้มีส่วนร่วมได้ด้วย 
wikipedia สารานุกรมเสรี เป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดพื้นที่ให้กับบุคคล ในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อมูลได้และมีการแปลภาษากว่า 70 ภาษาทั่วโลก



 




Instant Messaging - IM
คือการส่งข้อความผ่านการแชทเป็นการอนุญาตให้มีการติดต่อสืjอสารระหว่างบุคคลบนเครือข่ายที่เป็นแบบ
relative privacy ตัวอย่างเช่น Gtalk 









-Folksonomy (ปัจเจกวิธาน) มี 3 แบบ คือ
1.ค้นหาในเนื้อความ (Text Search)
2.เรียงเนื้อหาตามลำดับเวลา (Chronological)
3.แยกตามกลุ่มประเภท (Category, Classification)

Folk sonomy แตกต่างจาก taxonomy อย่างไร
taxonomy คืออนุกรมวิธาน ใช้ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ มาประชุมกันแล้ว แบ่งกลุ่ม แบ่งประเภทโดยอาศัยจากเกณฑ์ในการประชุม
Folk sonomy คือปัจเจกวิธาน ซึ่งคนในไซเบอร์สามารถมีส่วนร่วมในการจัดทำได้

TCP/IP ย่อมาจาก Transmission Control Protocol/Internet Protocol เป็นระบบโปรโตคอล การสื่อสารพื้นฐานของระบบอินเตอร์เน็ต มันสามารถใช้เป็น โปรโตคอลในการสื่อสารภายใน เครือข่ายส่วนบุคคล เรียกว่า intranet และ extranet เมื่อมีการติดต่อโดยตรงกับ internet เครื่องคอมพิวเตอร์จะได้รับการคัดลอกโปรแกรม TCP/IP เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์อื่น ๆ เพื่อทำให้ส่งข้อความขอรับสารสนเทศ

HTTP ย่อมาจาก Hypertext Transfer Protocol คือ โพรโทคอลสื่อสารสำหรับการแลกเปลี่ยนสารสนเทศผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหลักแล้วใช้ในการรับเอกสารข้อความหลายมิติที่นำไปสู่การเชื่อมต่อกับ World Wide Web

URL ย่อมาจาก Uniform Resource Locator เป็นการระบุตำแหน่งของไฟล์ที่เข้าถึงได้บนอินเตอร์เน็ต ประเภทของทรัพยากรขึ้นกับโปรโตคอลประยุกต์บนอินเตอร์เน็ตที่ใช้

Domain คือชื่อที่ใช้ในการอ้างอิงเพื่อไปยัง Website ต่างๆ ที่อยู่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตชื่อที่ใช้ต้องเป็นชื่อที่ไม่มีใครในโลกใช้เพราะถ้ามีคนใช้ชื่อใดแล้วเราจะไปจดชื่อซ้ำไม่ได้
ซึ่งการเช็คโดเมนเนม สามารถทำการเช็คได้ที่ whois.net จะบอกทั้ง ใครเป็นคนจดทะเบียน ชื่ออะไร เริ่มจดเมื่อไหร่ หมดอายุเมื่อไหร่ ฯลฯ

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

Chapter 1 : Introduction to E-Business and E-Commerce


โลกเสมือน (Virtual World) คือ การจำลองสภาพแวดล้อม ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของผู้ใช้หลายคน พร้อมๆ กัน ผ่านเครือข่ายออนไลน์ โลกเสมือนรองรับ การใช้งานของผู้ใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Location Based Services (LBS) เป็นบริการที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไร้สาย ที่ทำให้บุคคลหรือองค์กรใดๆ ระบุตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้อุปกรณ์ไร้สายได้อย่างแม่นยำ เป็นการค้นหาสถานที่ คนสัตว์ หรือสิ่งของ


บริการเครือข่ายสังคม (Social network service) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับ

ความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมล วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก การทำงานคือ คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ในรูปฐานข้อมูล sql ส่วน video หรือ รูปภาพ อาจเก็บเป็นไฟล์ก็ได้ บริการเครือข่ายสังคมที่เป็นที่นิยม
ได้แก่ ไฮไฟฟ์ มายสเปซ เฟซบุ๊ก 







E-Commerce คือ การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทุกช่องทางที่เป็น
อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต


E-Commerce แบ่งเป็น ประเภท 
1.Consumer to Consumer - C2C คือการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารในกลุ่มของคนที่มีการบริโภคเหมือนกันหรือการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง 
2.Consumer to Business - C2B คือการให้ผู้บริโภคได้บอกถึงผลตอบรับจากการใช้บริการขององค์กรผู้ทำการค้านั้นๆ ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร ควรปรับปรุงอะไร ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆ 
3.Consumer to Government - C2G คือการให้ผู้บริโภคได้บอกถึงผลตอบรับจากการใช้บริการของหน่วยงานภาครัฐนั้นๆ ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร ควรปรับปรุงอะไร ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆ
4.Business to Consumer - B2C คือการค้าระหว่างองค์กรผู้ทำการค้ากับผู้บริโภค เช่น e-book
5.Business to Business - B2B คือการติดต่อการค้าระหว่างองค์กรผู้ทำการค้ากับองค์กรผู้ทำการค้าโดยตรง หรือเรียกว่าการติดต่อแบบธุรกิจกับธุรกิจ
6.Business to Government - B2G คือการประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนหรือองค์กรผู้ทำการค้ากับหน่วยงานภาครัฐ เช่นการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐหรือเรียกว่า e-government
7.Government to Consumer - G2C คือการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอกนิกส์ต่างๆ ไปยังประชาชน เช่นการคำนวณและการเสียภาษีผ่านระบบอินเตอร์เน็ต , การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
8.Government to Business - G2B คือการบริการของภาครัฐไปยังองค์กรผู้ทำการค้าห้างร้านต่างๆ
9.Government to Government - G2G คือการบริการของภาครัฐกับภาครัฐด้วยกันเอง ที่มีการแลกเปลี่ยนโอนถ่ายข้อมูลระหว่างประเทศ เช่นข้อมูลอาชญากรข้ามชาติ , นักค้ายาเสพติด เป็นต้น


E-commerce Buy - side คือการทำธุรกรรมด้านการซื้อขายปัจจัย วัตถุดิบทางการผลิต
กิจกรรมขั้นตอนนี้ประกอบด้วย
1.Review suppliers คือการมองหาสินค้าจากผู้จำหน่าย
2.Stock availability คือการตรวจสอบสินค้าในคลังสินค้าว่าว่างพร้อมรับสินค้าใหม่หรือมีสินค้าคงค้างในคลังสินค้าหรือไม่
3.Online catalogues คือการเลือกดูรายการสินค้าผ่านระบบแคตตาล๊อคออนไลน์
4.Online ordering คือการรับสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์

E-commerce Sell - side คือการทำธุรกรรมด้านการขายสินค้าให้กับคนกลาง จากคนกลางขายต่อยังลูกค้า และยังมีการส่งต่อเป็นทอดๆ ไปจนถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย
กิจกรรมขั้นตอนนี้ประกอบด้วย
1.E-mail Marketing คือการทำการตลาดด้วย E-mail
2.Brochureware site คือระบบแคตตาล๊อคสินค้าออนไลน์
3.Interactive site คือการติดต่อสื่อสารผ่านเว็บไซต์
4.Online Ordering คือการรับสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์
5.Site optimization คือการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพทางเว็บไซต์

E-Business คือการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การใช้คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและอินเตอร์เน็ต เพื่อที่จะทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้า สะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุนและการขยายโอกาสทางการค้า

BI - Business Intelligence คือการรวบรวมข้อมูลข่าวสารด้านการตลาด ข้อมูลลูกค้าและคู่แข่งขัน
EC - E-Commerce คือการทำธุรกรรม การขายสินค้า การโอนเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
CRM - Customer Relationship Management คือการบริหารจัดการความสัมพันธ์ของลูกค้า เป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
SCM - Supply Chain Management คือการบริหารจัดการห่วงโซ่ ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบจนถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย
ERP - Enterprise Resource Planning คือการวางแผนกระบวนการเรื่องสินค้าคงคลัง การจัดการระบบ ERP ช่วยให้กระบวนการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดต้นทุนด้วย





อินทราเน็ต (Intranetคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงการสื่อสารภายในองค์กร ห้างร้าน บริษัท 
เอ็กซ์ทราเน็ต (Extranetคือเครือข่ายที่เชื่อมต่อไปยัง supplier , customer , collaborators หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร
อินเตอร์เน็ต (Internetคือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมาก ครอบคลุมทั่วโลกโดยอาศัยโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น การเปิดขาย-ส่งสินค้าได้ทั่วโลกผ่านระบบอินเตอร์เน็ต