E-Government หรือรัฐอิเล็กทรอนิกส์
คือการบริการจากภาครัฐเป็นการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปใช้งาน
ทำให้การบริหารจัดการของรัฐสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
ประกอบด้วยหลักการที่เป็นแนวทาง 4 ประการคือ
1.สร้างบริการตามความต้องการของประชาชน
2.ทำให้รัฐและการบริการของรัฐเข้าถึงได้มากขึ้น
3.เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยทั่วกัน
4.มีการใช้สารสนเทศที่ดีกว่าเดิม
E-Government เป็นวิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลงานภาครัฐและปรับปรุงการบริการแก่ประชาชนและการบริการด้านข้อมูลเพื่อเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น
การให้บริการของรัฐมุ่งเป้าไปที่กลุ่ม 3 กลุ่ม คือ
ประชาชน
ภาคธุรกิจ
ข้าราชการ
หากเทียบกับ E-Commerce แล้ว E-Government คือ G-to-G1 Transaction มีลักษณะเป็น intranet มีระบบความปลอดภัย เพื่อทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ
ขณะที่ E-Service เทียบได้กับ B-to-G2 และ G-to-C3 Transaction ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อในการให้บริการ
โดยภาคธุรกิจกับประชาชนคือผู้รับบริการ
หลัก E-Government จะเป็นแบบ G2G , G2B และ G2C
ระบบต้องมีความมั่นคงปลอดภัยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐ
และประชาชนอุ่นใจในการรับบริการและชำระเงินค่าบริการ
ธุรกิจก็สามารถดำเนินการค้าขายกับหน่วยงานของรัฐด้วยความราบรื่นได้
B2C คือภาคธุรกิจสู่ผู้บริโภค (Business to
Consumer)
B2B คือภาคธุรกิจสู่ภาคธุรกิจ (Business to
Business)
G2G คือภาครัฐสู่ภาครัฐด้วยกัน (Government to
Government) เป็นรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปมากของหน่วยราชการ
ที่การติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยกระดาษและลายเซ็นในระบบราชการเดิม
จะมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยการใช้ระบบเครือข่ายสารสนเทศและลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นทางการเพื่อเพิ่มความเร็วในการดำเนินการ
ลดระยะเวลาในการส่งเอกสารและข้อมูลระหว่างกัน
G2C คือภาครัฐสู่ประชาชน (Government to
Citizen) เป็นการให้บริการของรัฐสู่ประชาชนโดยตรง
โดยการบริการดังกล่าวประชาชนจะสามารถดำเนินธุรกรรมผ่านเครือข่ายสารสนเทศของรัฐ
เช่น การชำระภาษี การจดทะเบียน การจ่ายค่าปรับ เป็นต้น
G2B คือภาครัฐสู่ภาคธุรกิจ (Government to
Business) เป็นการให้บริการของภาคธุรกิจเอกชน
โดยที่รัฐจะอำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันกันโดยความเร็วสูง
มีประสิทธิภาพและข้อมูลที่ถูกต้องอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
G2E คือภาครัฐสู่ภาคข้าราชการและพนักงานของรัฐ (Government
to Employee) เป็นการให้บริการที่จำเป็นของพนักงานของรัฐกับรัฐบาล
โดยจะสร้างระบบเพื่อช่วยให้เกิดเครื่องมือที่จำเป็นในการปฏิบัติงานและการดำรงชีวิต
เช่น ระบบสวัสดิการ ระบบที่ปรึกษาทางกฏหมายและข้อบังคับในการปฏิบัติราชการ
ระบบการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
การจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล
เป็นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐบนระบบอินเตอร์เน็ตด้วยกิจกรรม
- กาตกลงราคา
- การประกวดราคา
- การจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ
- การประมูล
วัตถุประสงค์การจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ
(E-Procurement)
- เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
- เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตรวจสอบและการเปิดเผยต่อสาธารณชน
- เพื่อประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่ายจากที่เดิมที่มักจะจัดซื้อจัดจ้างในราคาที่ค่อนข้างสูง
1.ระบบ E-Tending ระบบการยื่นประมูลอิเล็กทรอนิกส์
เป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง
กระบวนการสลับซับซ้อน
การจัดซื้อจัดจ้างโดยอาศัยวิธีการประกวดราคาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ
2.ระบบ E-Purchasing ระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น 2
ระบบย่อย
ระบบ E-Shopping ระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าไม่สูง
กระบวนการสลับซับซ้อนไม่มาก เช่น
การจัดซื้อวัสดุสำนักงานในปริมาณไม่สามารถทำผ่านระบบ E-Catalog
การลงทุนเพื่อจัดทำระบบ E-Shopping มีความคุ้มทุนก็ต่อเมื่อมีความถี่ในการซื้อสินค้าบ่อยครั้ง
3.ระบบ E-Auction
เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างและบริการที่มีมูลค่าสูงหรือปริมาณมาก
และมีกระบวนการดำเนินงานที่ไม่สลับซับซ้อนมากนัก เช่น การจัดซื้อคอมพิวเตอร์
การจัดหาบริการทำความสะดวกคุณภาพและบริการของผู้ค้าแต่ละรายไม่มีความแตกต่างกันมากนัก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น