Supply Chain
Management (SCM)
ระบบจัดการการบริหารและเชื่อมโยงเครือข่ายตั้งแต่
supplier , manufacturers , distributors เพื่อส่งมอบสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าโดยมีการเชื่อมโยงระบบข้อมูล
วัตถุดิบ สินค้าและบริการ เงินทุน รวมถึงการส่งมอบเข้าด้วยกัน
เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถส่งมอบได้ตรงตามเวลาและความต้องการได้
ขั้นตอนวิวัฒนาการไปสู่ระบบการจัดการ Supply
Chain
การกำเนิดระบบการบริหาร Supply Chain มีต้นแบบมาจากการส่งลำเลียงอาหารและอาวุธต่างๆ
ตามระบบส่งกำลังบำรุงของทหาร
โดยเฉพาะในช่วงสงครามที่ต้องการความมั่นใจว่าอาวุธและอาหารจะต้องจัดส่งให้เพียงพอกับความต้องการ
ไปยังสถานที่ที่กำหนดอย่างตรงเวลา
เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
จึงต้องวางแผนจัดลำดับให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด
ต่อมาได้มีการพัฒนาแนวความคิดและมีการดัดแปลงให้กับธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม
มีระยะของการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเพื่อเข้าสู่กระบวนการบริหาร
Supply Chain 4 ระยะ
คือ
ระยะที่ 1 องค์กรในรูปบบพื้นฐาน (The Baseline
Organization)
เป็นรูปบบการบริหารจัดการแบบดั้งเดิม
ไม่ค่อยจะมีความยืดหยุ่น ที่ต้องการสร้างผลกำไรสูงสุดขององค์กร
โดยเน้นความชำนาญในการทำงานของแต่ละแผนก
แต่ละฝ่ายต่างทำงานเป็นอิสระต่อกันไม่เกี่ยวข้องกัน
ระยะที่ 2 องค์กรที่รวมหน้าที่ทางธุรกิจเข้าด้วยกัน (The
Functionally Integrated Company)
แต่ละองค์กรเริ่มจะจัดตั้งเป็นบริษัท
มีการรวบรวมหน้าที่ ลักษณะงานที่เป็นประเภทเดียวกันและฝ่ายเดียวกัน
ไม่มีการแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบออกจากกันอย่างเด็ดขาด
ระยะที่ 3 องค์กรที่รวมการดำเนินงานภายในธุรกิจไว้ (The
Internally Integrated Company)
องค์กรมีการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของตนอย่างต่อเนื่องจากระยะที่
2 โดยฝ่ายต่างๆ
มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ทำให้มีการติดต่อประสานงานเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายทำงานมากขึ้น
ระยะที่ 4 องค์กรที่รวมการดำเนินงานภายนอกธุรกิจไว้ด้วย (The
Externally Integrated Company)
ระยะที่บริษัทก้าวเข้าสู่รูปแบบการบริหารแบบ
Supply Chain อย่างเต็มตัว
โดยมีการปรับโครงสร้างการบริหารแบบ Supply Chain ภายในบริษัทของตนเองไว้เรียบร้อยแล้ว
และหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารลูกโซ่อุปทานภายนอก
การบริหารจัดการ Supply Chain
เป็นการจัดการที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคู่ค้าที่เกี่ยวข้องใน
Supply Chain เป็นสำคัญ
องค์กรที่มีความรู้ในการบริหารจัดการดี
ควรถ่ายทอดแนวคิดและวิธีการปรับปรุงระบบงานและการประสานงานระหว่างองค์กรให้แก่องค์กรอื่นๆ
ใน Supply Chain ได้
ความสามารถในการประสานระบบงานระหว่างองค์กรใน 3
ส่วนหลัก
ได้แก่
1.ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการระหว่างกลุ่ม Suppliers
(Supply - management interface capabilities)
เพื่อให้ระบบปฏิบัติการโดยรวมมีต้นทุนต่ำที่สุด
มีระบบโลจิสติกส์ในการส่งผ่านวัตถุดิบ ผลิตและส่งมอบสินค้าที่มีประสิทธิภาพและสามารถใช้ประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ในการแข่งขันเชิงรุก
เพื่อสร้างสรรค์ระบบการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็ว
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
2.ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
(Demand - management interface capabilities)
เป็นระบบการบริหารจัดการเพื่อการให้บริการที่มีคุณภาพและการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ทั้งก่อน ระหว่าง และภายหลังการขาย
เพื่อสร้างความได้เปรียบเพิ่มขึ้นในเชิงการแข่งขัน คุณภาพโลจิสติกส์ที่ต้องการคือ
ความรวดเร็ว การมีสินค้าพร้อมจำหน่ายเมื่อลูกค้าต้องการ การส่งมอบสินค้าที่สมบูรณ์สอดคล้องตามความต้องการของลูกค้าและการมีระบบสื่อสารที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้
3.ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการสารสนเทศ (Information
management capabilities)
ระบบสื่อสารระหว่างองค์กรใน Supply
Chain มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ก่อนที่บริษัทข้ามชาติจะเริ่มต้นประกอบการในประเทศต่าง ๆ
จะต้องมีการวางโครงสร้างพื้นฐานทาง IT พิจารณาวางแผนกับปัญหาในเรื่องการประสานข้อมูลต่าง
ๆ ทั้งในระบบองค์กรและระหว่างองค์กรโดยพัฒนาร่วมกันไปพร้อมๆ กับการวางกลยุทธ์
ปัญหาของการจัดการ Supply Chain
การจัดการ Supply Chain ให้ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องการ
สามารถจำแนกได้ดังนี้
1.ปัญหาจากการพยากรณ์ การพยากรณ์ความต้องการสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการจัดการ
Supply Chain ซึ่งการพยากรณ์ที่ผิดพลาดมีส่วนสำคัญที่ทำให้การวางแผนการผลิตผิดพลาด
และอาจจะทำให้ผู้ผลิตมีสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าที่เกิดขึ้น
2.ปัญหาในกระบวนการผลิต เกิดจากกระบวนการผลิตอาจจะทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนดไว้
เช่น เครื่องจักรเสีย
ทำให้ต้องเสียเวลาส่วนหนึ่งในการซ่อมแซมและปรับตั้งเครื่องจักร
3.ปัญหาด้านคุณภาพ จะส่งผลให้กระบวนการการผลิตต้องหยุดชะงัก
และทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ตามที่กำหนดไว้
นอกจากนั้นระบบการขนส่งที่ไม่มีคุณภาพสามารถส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานได้เช่นกัน
4.ปัญหาในการส่งมอบสินค้า การส่งมอบที่ล่าช้าเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เรื่องของวัตถุดิบ
งานระหว่างทำและสินค้าสำเร็จรูป เช่น supplier ส่งมอบวัตถุดิบล่าช้า
ทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามตามตารางการผลิตที่กำหนดไว้ นอกจากนั้น
ระหว่างกระบวนการผลิต
การส่งต่องานระหว่างทำที่ล่าช้าตามไปด้วยในกรณีที่ไม่สามารถปรับตารางการผลิตได้ทัน
5.ปัญหาด้านสารสนเทศ สารสนเทศที่ผิดพลาดมีผลกระทบต่อการจัดการโซ่อุปทาน
ซึ่งทำให้การผลิตและการส่งมอบสินค้าผิดไปจากที่กำหนดไว้
6.ปัญหาจากลูกค้า
เป็นความไม่แน่นอนอย่างหนึ่งของโซ่อุปทาน เช่น ลูกค้ายกเลิกคำสั่ง
ในบางครั้งผู้ผลิตได้ทำการผลิตสินค้าไปแล้วส่วนหนึ่ง
แต่ได้รับการยกเลิกคำสั่งซื้อจากลูกค้าในเวลาต่อมา
จึงทำให้เกิดต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าคงคลังส่วนนั้นไว้
Bullwhip Effect
ปัญหาที่เกิดจากความแปรปรวนเล็กน้อยของความต้องการถูกนำมาขยาย
เมื่อส่งข้อมูลกลับต้นทาง
เทคโนโลยีสารสนเทศใน Supply Chain
เทคโนโลยีช่วยในการจัดการ Supply
Chain ให้มีประสิทธิภาพนั้น
มีองค์ประกอบที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ให้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
การจัดหาสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
ไม่ขาดตลาดและที่สำคัญไปกว่านั้นคือการนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการให้ระบบ
Supply Chain มีความต่อเนื่องไม่ติดขัด
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business)
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business) หรือในบางครั้งเรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
เป็นการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการทางธุรกิจและการดำเนินงานระหว่างธุรกิจกับธุรกิจและระหว่างบุคคลกับธุรกิจ
ธุรกิจที่อยู่ในโซ่อุปทานส่วนใหญ่จะมีการดำเนินธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์กับ
supplier และลูกค้าประโยชน์ที่ได้รับจากการทำธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มีหลายประการ
- เกิดการประหยัดต้นทุน
เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีแทนแรงงานคน ทำให้ราคาของสินค้าลดลง
- ลดการใช้คนกลางในการดำเนินธุรกิจ เช่น ผู้ค้าส่ง
ผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการ เป็นต้น
- ลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นระหว่างโซ่อุปทาน
- ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากสารสนเทศมากขึ้น
การใช้บาร์โค้ด (Bar Code)
บาร์โค้ดหรือรหัสแท่ง
เป็นสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปแบบของแท่งบาร์ ประกอบด้วยบาร์ที่มีสีเข้มและช่องว่างสีอ่อน
ซึ่งเป็นตัวแทนของตัวเลขและตัวอักษร
สามารถอ่านได้ด้วยเครื่อง scanner มันจึงทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ
ของสินค้า เช่น หมายเลขของสินค้า ครั้งที่ทำการผลิต
เลขหมายเรียงลำดับกล่องเพื่อการขนส่ง ปริมาณสินค้าที่ผลิต
รวมถึงตำแหน่งผู้รับสินค้า เป็นต้น
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI
: Electronic Data Interchange)
เป็นเทคโนโลยีอีกประการหนึ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการ
supply chain เป็นระบบถ่ายทอดข่าวสารข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งในรูปสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์
โดยรูปแบบข่าวสารข้อมูลนั้นจะมีการจัดรูปแบบและมีความเป็นมาตรฐานเดียวกันตามที่ได้ตกลงกันไว้
เรียกว่า EDI Message ผ่านเครือข่ายการสื่อสาร (Telecommunication
Network) ทำให้เพิ่มความถูกต้องและรวดเร็วในการทำงาน
การใช้ซอฟต์แวร Application SCM
การนำซอฟต์แวร์มาพัฒนาและประยุกต์ใช้งานในปัจจุบัน
เช่น Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นซอฟต์แวร์ที่จัดเป็นระบบศูนย์กลางขององค์กรทั้งหมด
ทำหน้าที่ประสานงานหลักๆ ในด้านต่างๆ เช่น การเงิน การผลิต และการจัดคลังสินค้า
Advance Planning
and Scheduling จัดสร้างแผนการผลิตและจัดตารางเวลาโรงงานการผลิต
ใช้เงื่อนไขข้อจำกัดและกฏเกณฑ์ทางธุรกิจในการปรับตารางให้ดีที่สุด
Inventory Planning
วางแผนคลังสินค้าที่จำเป็นในแต่ละจุดเพื่อกระจายการจัดส่ง
เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาด
Customer Asset
Management ใช้สำหรับจัดระบบการสื่อสารโต้ตอบกับลูกค้ารวมทั้งระบบขายอัตโนมัติและการให้บริการลูกค้า
เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตระบบ ERP มีอยู่ 5 รายคือ SAP , ORACLE , Peoplesoft ,
J.D.Edwards และ Baan
เครือ THE MINOR GROUP
เครือเดอะไมเนอร์กรุ๊ป
เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารที่เป็นเจ้าของร้านอาหารกว่า 700
แห่งและโรงแรมกว่า
2,400 ห้อง
และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่นกว่า 20 แบรนด์
และได้มีการขยายธุรกิจหลักออกไปสู่ต่างประเทศด้วย
ทั้งการลงทุนเองและซื้อกิจการใหม่ เพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว
Food service
Hotel and Plaza Entertainment
SCM กับเครือ THE MINOR GROUP
supply chain เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันโลกการค้ายุคใหม่ด้วยศักยภาพของอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมโยงเครือข่ายหรือห่วงโซ่
supply chain ในรูปแบบของ
E-Supply Chain เป็นทีมเดียวกันอยู่ภายใต้ระบบและฐานข้อมูลเดียวกันแบบ
Real Time สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
จึงทำให้ความใหญ่เล็กขององค์กรจะไม่เป็นปัญหาในการแข่งขันทางการค้า
ระบบที่เครือ THE MINOR GROUP นำมาใช้ในการจัดการ supply chain ประกอบด้วยระบบหลัก 4 อย่างคือ
1.ระบบ ERP (Enterprise Resource
Planning) เป็นเทคโนโลยีบริหารกระบวนการธุรกิจโดยเฉพาะการเชื่อมโยง
SCM เน้นการบูรณาการกระบวนการหลักของธุรกิจ
เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกรรมประจำวัน
ระบบ ERP ที่เครือ THE MINOR GROUP นำมาใช้คือโปรแกรม Oracle ใช้ในการจัดจ้าง การผลิต การขาย
การบัญชีและการบริหารงานบุคคลเข้าด้วยกัน
2.ระบบ POS (Point Of Sale) ทุกครั้งที่มีการซื้อขายหน้าร้านทุกสาขาทั่วประเทศ
ระบบ POS ของแต่ละสาขาก็จะส่งข้อมูลการขายสินค้าส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์สำนักงานใหญ่
เมื่อสำนักงานใหญ่รวบรวมข้อมูลการขายสินค้าของแต่ละสาขาแล้ว
ก็จะทำการเปิดใบสั่งซื้อไปยัง suplier ผ่านระบบออนไลน์ให้กับ suplier รายย่อยต่อไป
3.ระบบ Barcode เก็บข้อมูลรายละเอียดสินค้า
เพราะจะทำให้บริษัททราบถึงข้อมูลรายละเอียดสินค้าผ่านรหัสใน Barcode
4.ระบบ CRM (Customer Relationship
Management) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างหนึ่งที่องค์กรนำมาใช้เพื่อบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้ากับองค์กรตลอดวงจรชีวิตการเป็นลูกค้า
ได้แก่ การตลาด การขาย การให้บริการ และการสนับสนุน โดยใช้ทรัพยากรด้านสารสนเทศ
กระบวนการ เทคโนโลยีและบุคลากร โดยเน้นการสร้างประสานสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ Demain
Chain Management ผ่านการจัดโปรแกรมเพื่อจูงใจลูกค้า